โอบกอดภาคเหนือด้วยทุกความรู้สึก เที่ยวเชียงรายเมืองศิลป์ สัมผัสวิถีชุมชน รื่นรมย์เกษตรอินทรีย์

Page image

หลังจากวางแผนเที่ยวเชียงใหม่เสร็จ ก็มีข่าวไฟไหม้ดอยสะเมิงของเชียงใหม่และค่าฝุ่นสูงทั้งภาค โดยเฉพาะที่เชียงราย แต่เราอยู่ในโลก New Normal ที่เริ่มต้นจากโควิด-19 โลกที่อะไรๆ ก็ไม่แน่นอนและพลิกผันไปมาได้แบบรายวัน ดังนั้นเผื่อทางเลือกที่ทำให้เราช่วยเหลือกันได้อย่างเป็นรูปธรรม และให้กำลังใจกันได้ไว้ก่อนเป็นดีค่ะ

เมื่อคิดอย่างนี้ก็เลยต้องวางแผนที่เที่ยวทางเหนือเผื่อไว้อีกสองจังหวัด และขึ้นหัวเรื่องด้วยการให้กำลังใจกันไว้ เราทุกคนไม่มีใครรู้ว่าปีนี้จะออกไปเดินทางท่องเที่ยวได้สักกี่ครั้ง แต่ถ้าออกไปได้สักครั้งก็จะเลือกที่ที่สะดวกที่สุดในตอนนั้น โดยไม่ลืมหน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ (ใครชอบใช้เจลแอลกอฮอล์ก็ติดเจลไปนะคะ) พร้อมกับแวะล้างมือบ่อยๆ เพื่อให้เราทุกคนปลอดภัยจากเชื้อไวรัสและรอดพ้นจากวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน ส่วนจุดหมายปลายทางที่จะเสนอกลุ่มคนร่วมทริปด้วยกันคราวนี้เป็นที่เชียงรายค่ะ เมืองเหนือที่ยังคงเติบโตไม่หยุดและมีแต่จะ Amazing ยิ่งกว่าเดิมไม่แพ้เชียงใหม่

Page image

วัดร่องเสือเต้น

เริ่มต้นการเยือนเมืองเหนือแห่งนี้ด้วยการกราบพระขอพรให้ภาคเหนือค่ะ เห็นชื่อวัดแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าชื่อภาษาอังกฤษของวัดจะต้องมีคำว่า ไทเกอร์ ด้วยแน่ๆ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ Blue Temple เป็นชื่อที่แม้จะฟังดูเรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกกว้างใหญ่และเบาสบายไปพร้อมกัน ทั้งยังสะท้อนเอกลักษณ์การเล่นและคุมโทนสีน้ำเงิน สีฟ้า และสีทองของวัดได้เป็นอย่างดี

วัดแห่งนี้โด่งดังด้วยแนวศิลปะแบบไทยประยุกต์ ฝีมือของสล่านก (พุทธา กาบแก้ว) ศิลปินชาวเชียงรายที่สั่งสมประสบการณ์หลังเรียนจบด้วยการเป็นลูกมือในทีมสร้างวัดร่องขุ่น ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อได้มาสร้างวัดให้แก่ชุมชนร่องเสือเต้น สล่านกก็ทุ่มเทประสบการณ์ทั้งหมดออกแบบและดูแลการก่อสร้างนานนับ 10 ปี แรงกายแรงใจที่ลงไปล้วนฉาบฉายอยู่ในความอลังการของงานตกแต่งรอบวัดและภายในพระวิหาร ที่มีทั้งงานแกะสลัก งานปั้น และงานจิตรกรรมปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง

เมื่อล่วงผ่านซุ้มประตูทางเข้าวัด ก็จะเห็นงานปั้นรูปนาคที่ครึ่งบนเป็นเทวดา ครึ่งล่างเป็นนาค ขนาบสองข้างทางเข้า จากนั้นจึงเข้าสู่ลานวัดที่มีรูปพระจกบาตร ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองเหนือ และเป็นรูปเคารพแทนพระอุปคุต พระอรหันต์ที่มีชีวิตร่วมสมัยเดียวกันกับพระเจ้าอโศกมหาราชค่ะ ครั้นถึงหน้าพระวิหารก็จะพบกับพญานาคมุจลินท์และพญาศรีสุทโธนาคราช ที่ทำหน้าที่เฝ้าศาสนสถาน พร้อมกับทอดกายเป็นบันไดนาคขึ้นสู่พระวิหารไปด้วย ช่วงเขี้ยวสีขาววาววับที่อวบเต็ม ทรงพลัง แต่ก็พลิ้วไหวของพญานาคทั้งสอง สะท้อนอิทธิพลที่สล่านกได้แรงบันดาลใจมาจากฝีมือของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี (ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ผู้สร้างสรรค์งานเขียนอันเลื่องชื่อและบ้านดำที่เชียงราย) ได้อย่างชัดเจน

ภายในพระวิหารนั้นยังคงเล่นลวดลายและสีสันน้ำเงินฟ้า พาให้ผู้คนรู้สึกคล้ายลอยอยู่กลางสรวงสวรรค์ยามกราบกรานสักการะองค์พระพุทธปฏิมา และยังนำสายตาไปสู่พระประธานสิงห์หนึ่งสีขาวมุก “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เอาไว้ พร้อมด้วยองค์พระรอดลำพูน 84,000 องค์เท่ากับจำนวนพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์

ด้านหลังพระวิหารยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติองค์ใหญ่สีขาว ฝีมือสล่านกเช่นกัน เมื่อมองตามองค์พระไปก็จะปรากฏ “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” ให้น้อมจิตสักการบูชาพระพุทธองค์อีกทางหนึ่ง แค่เริ่มต้นที่แรกก็ Amazing ยิ่งกว่าเดิมกันแล้วใช่มั้ยคะ สำหรับการเตรียมตัวมาเที่ยวภาคเหนือคราวนี้ ก็ได้อารมณ์อีกแบบนะคะ

ที่ตั้ง : 306 หมู่ 2 ถนนแม่กก ตำบลริมกก อำเภอเมือง เชียงราย 57100

การเดินทาง : ตั้งอยู่ในเทศบาลนครเชียงราย วิ่งมาตามถนนสายแม่จัน-แม่สาย เมื่อข้ามสะพานแม่น้ำกกแล้วถึงทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายประมาณ 250 เมตร เข้าถนนสายแม่ยาว แล้วเลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 50 เมตรก็จะถึงวัดร่องเสือเต้นค่ะ

Google Map Link : https://goo.gl/maps/VpLKZowyfFhooABj7

ช่องทางการติดต่อ :  โทรศัพท์ 08-2026-9038; 064-347-3636

เพจ https://www.facebook.com/RSTBlueTemple

 

Page image

Sawanbondin Farm & Tea House

กราบพระในวัดที่ทำให้รู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางสรวง เราก็ไปเยือนสวรรค์กันต่อค่ะ สวรรค์บนดินเป็นร้านชาในบรรยากาศฟาร์มที่สงบง่าย ชวนพักสมองและพักวางความรู้สึก คุณโต (ชูเกียรติ เวสารัชชพงศ์) ผู้เป็นเจ้าของร้านมุ่งสนับสนุนผลิตผลเกษตรอินทรีย์ในท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมกิจการและความอยู่ดีกินดีของชุมชนโดยรอบ แม้วิกฤติโรคระบาดจะทำให้ต้องพักกิจการด้านโฮมสเตย์ไปก่อน แต่ชาและขนมของที่นี่ขึ้นชื่อในความหอม ความหลากหลาย และรสชาติที่ละมุนลิ้น หวานพองาม และการจัดเครื่องดื่มกับขนมที่ยกมาเสิร์ฟให้ดูชื่นตาชื่นใจชวนเก็บภาพด้วยค่ะ ทั้งชาหอมข้าว (ที่ใช้วัตถุดิบเป็นชาเขียวของไทย ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศชาเขียวระดับโลกที่ญี่ปุ่นประจำปี 2020 มาแล้ว) อัญชันลาเต้ ชาประเภท Mocktail อาทิ La Vie Est Belle เค้กข้าวกล้อง ไอศกรีมรสชาเขียวมะลิ รสอู่หลง รสอัญชัน หรือเครปข้าวกล้องและข้าวไรซ์เบอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมแยมมะตูมหอมหมื่นลี้ หรือแยมกุหลาบ ฯลฯ

และที่ฉันตั้งใจอยากจะทำอีกอย่างก็คือ เวิร์กชอปการเบลนด์ชาค่ะ เขาจะพาไปทำความรู้จักวัตถุดิบที่ใช้ผสมกับชา เช่น อัญชัน กระเจี๊ยบ ตะไคร้ ใบเตย ดอกเก๊กฮวย ดอกคำฝอย ใบชาอัสสัม เป็นต้น ก่อนที่จะใช้เกร็ดความรู้สนุกๆ เกี่ยวกับชาและวัตถุดิบทั้งหลายมาทดลองผสมชา โดยใช้จินตนาการถึงกลิ่น รส และความน่าจะเป็นของเราเอง จากนั้นก็ลองชงดื่มจริง

แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะเก็บเกี่ยวจากสวรรค์บนดินนั้นมาจากประสบการณ์ตรงของเจ้าของร้าน เพราะที่นี่มีจุดเริ่มต้นจากอาการป่วยจนเดินไม่ได้ของคุณพ่อ ทำให้อดีตช่างภาพในเมืองหลวงคนนี้ ขึ้นเหนือมาใช้ชีวิตอิงธรรมชาติ พร้อมกับศึกษาหาทางใช้วิถีธรรมชาติบำบัดรักษาบุพการีไปด้วย จนคุณพ่อกลับมาเดินได้อีกครั้ง สะท้อนให้เห็นความตั้งใจจริงที่แฝงอยู่ในทุกสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ รวมทั้งถ้วยจานในร้านที่เขาปั้นเองด้วยค่ะ

ที่ตั้ง : 171/12 หมู่ 4 ซอย 1 ตำบลริมกก อำเภอเมือง เชียงราย

การเดินทาง : อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย 7.4 กิโลเมตร

Google Map Link : https://goo.gl/maps/57J61k33Kz5Kkf6VA

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  081-205-3554

เพจ https://www.facebook.com/SawanbondinFarm

อีเมล   sawanbondin.farm@gmail.com

 

Page image

โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา

สิ่งที่เด่นมากอีกอย่างของเชียงรายคือศาสตร์หมอพื้นบ้านล้านนา ที่ใช้สมุนไพรประกอบกับการนวดทั้งด้วยเท้าและด้วยมือ เมื่อมาเยือนเมืองนี้ การบำบัดฟื้นฟูร่างกายจึงสมควรรวมไว้ในรายการของกิจกรรมที่ตั้งใจมาสัมผัสรับประสบการณ์กันสักครั้งนะคะ โฮงยาหมอเมืองแห่งนี้ก่อตั้งจากแนวคิดของพระเมธาวินทร์ ชยธมฺโม แสนธิ ที่วัดพระธาตุดอยโอ่ง ท่านเป็นผู้เผยแพร่การแพทย์พื้นเมืองของล้านนาโบราณให้แก่ชาวบ้านในบริเวณรอบวัด เพื่อให้มีความรู้ติดตัวและนำไปต่อยอดได้ ท่านยังสอนผู้สูงอายุในบริเวณนั้นให้รู้จักทำยาสมุนไพร ลูกประคบ เพื่อหารายได้เสริมอีกด้วย นับเป็นแนวทางส่งเสริมอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริงค่ะ

การแพทย์พื้นเมืองของล้านนาโบราณมีวิธีการหลายอย่าง ที่กล่าวขวัญถึงกันมากก็คือ “การนวดย่ำขาง” ขางคือผาลไถ หัวเหล็กที่เอาไว้สวมตรงหัวเครื่องไถด้วยมือค่ะ เขาจะเอาเท้าชุบน้ำยา ที่เป็นน้ำมันไพลหรือน้ำมันงา แล้วเอาเท้าย่ำลงบนขางที่เผาไฟจนร้อนแดง ก่อนจะใช้เท้าย่ำบนร่างกายหรือส่วนที่มีอาการเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมี “การนอนย่างสมุนไพร” บรรเทาความเมื่อยล้าหรืออาการเลือดคั่งจากอุบัติเหตุ โดยให้เรานอนบนแคร่ ใช้ความร้อนแห้งไล่อาการต่างๆ “การอบสุ่มไก่สมุนไพร” ที่วางหม้อน้ำสมุนไพรให้เราอบตัว “การนวดตอกเส้น” ที่ผู้เป็นหมอต้องเรียนรู้แนวเส้นและกล้ามเนื้อก่อน จึงจะใช้ไม้ค้อนและไม้ลิ่มตอกตามแนวเส้นดังกล่าว เพื่อบำบัดอาการเกี่ยวกับเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อตึง แล้วค่อยใช้น้ำมันสมุนไพรหรือลูกประคบรักษาต่อไป

สำหรับคนที่ไม่ชอบนวด ก็สามารถผ่อนคลายด้วยการแช่เท้าในน้ำสมุนไพรอุ่นๆ ค่ะ ที่โฮงฮอมผญ๋าแห่งนี้ยังเปิดสอนวิชาให้คนทั่วไปเป็นระยะๆ ด้วย หลักสูตรก็มีทั้งการย่ำขาง การตอกเส้น การเช็ด/ขวิดเขาควาย การย่างยา/อบยา/พอกยา การขิดเส้น/เขี่ยเส้น/กดเส้น การนวดน้ำมันลังกาสุกะ การนวดเอาม่าน/ยืดเส้น การประคบสมุนไพร/ทับหม้อเกลือ/นั่งถ่าน การทำยาต้ม/ยาดอง/ยาฝน รวมทั้งการบำบัดรักษาแบบกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย ยกตัวอย่างเดือนเมษายนนี้ก็มีโครงการต่อยอดหมอพื้นบ้านไทย 4 ภาคที่พาศึกษาดูงานหมอพื้นบ้านตามจังหวัดต่างๆ ตลอดเดือน ที่เล่ามานี้ก็เผื่อว่าจะมีคนสนใจติดตามและสมัครโครงการของเขา ส่วนตัวแล้วฉันชอบเรื่องนวดและกดเส้นมากนะคะ แต่บังเอิญผอมแห้งและแรงไม่มี เลยได้แต่บอกต่อ

ที่ตั้ง : ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตำบลนางแล วัดพระธาตุดอยโอ่ง บ้านป่ารวก เลขที่ 12 หมู่ 8 อำเภอเมือง เชียงราย

การเดินทาง : จากเทศบาลตำบลนางแล ตรงไปประมาณ 100 เมตร มีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวซ้าย ตรงไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะถึงโฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา ทางขวามือค่ะ

Google Map Linkhttps://goo.gl/maps/VAByBsWhBipLU4zU8

ช่องทางการติดต่อ :  โทรศัพท์จองล่วงหน้า  09-0280-6924; 08-0629-5939

เพจ https://bit.ly/311Cad8

 

Page image
Page image

บ้านหล่อโย

ตะลอนมาทั้งวันก็ได้เวลาขึ้นที่พักบนดอยละค่ะ ดอยแม่สลองเป็นที่ตั้งของบ้านหล่อโย หมู่บ้านที่ตั้งชื่อตามหัวหน้าเผ่าคนหนึ่ง และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร อากาศจึงเย็นสบาย แวดล้อมด้วยป่าสีเขียวขจีที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ชุมชนชาวเขาเผ่าอาข่าของที่นี่รักและทะนุถนอมวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ใกล้ชิดธรรมชาติของเขา และทำที่พักแบบบ้านดินเพื่อให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้ามาสัมผัสและศึกษาวิถีชีวิตเฉพาะถิ่นของพวกเขาค่ะ

โครงการสร้างบ้านดินเพื่อทำเป็นที่พักแรมของหมู่บ้านแห่งนี้เริ่มต้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน (ประมาณ พ.ศ. 2550) โดยคุณโยฮัน (ประกาศิต เชอมือกู่) ผู้นำชุมชนในปัจจุบัน อยากกลับมาทำงานและพัฒนาบ้านเกิด หลังจากจบการศึกษาที่อิสราเอลค่ะ ก็เลยกลับมาออกแบบบ้านดิน ทำธุรกิจชุมชนในแนวโฮมสเตย์ พร้อมทั้งจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรมอาข่า ได้แก่ เครื่องใช้ไม้สอยที่มักทำจากไม้แกะ และเครื่องประดับที่ทำขึ้นมาจากเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ตลอดจนงานฝีมืออื่นๆ เช่น ย่าม หมวก ตุ๊กตาอาข่าที่เรียกว่าตุ๊กตาแห่งความรัก น้ำผึ้งป่า ชา และกาแฟด้วย

เราสามารถนัดพบกับเขาที่สนามบินหรือในตัวเมืองเชียงรายก็ได้ เมื่อถึงหมู่บ้าน ก็จะได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมากว่า 80 ปีของชุมชนแห่งนี้ ตามด้วยการเลือกกิจกรรมที่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งชุดอาข่า ทำอาหารตำรับอาข่า ทำสายรัดข้อมือ ทำตุ๊กตา หรือปักผ้า เดินเที่ยวชมวิถีชุมชน เล่นลูกข่างอาข่า เล่นไม้เขาะเนาะ โล้ชิงช้าอาข่า ร่วมปลูกต้นไม้ให้ป่าชุมชน เรียนรู้เรื่องสมุนไพรกลางป่า และการทำดินโป่งแบบโบราณเพื่อใช้เป็นยาให้กับสัตว์ป่า เปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเองได้อย่างน่าสนใจทีเดียวค่ะ

ที่ตั้ง : ชุมชนหล่อโย ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน เชียงราย

การเดินทาง : ขับรถจากสนามบินเชียงรายมายังดอยแม่สลองใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งหรือถ้าขับช้าๆ ก็จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงค่ะ

Google Map Link : https://goo.gl/maps/zFL3jX6JzCLiPPnw8

ช่องทางการติดต่อ :  โทรศัพท์จองที่พัก  09-3258-9994

 

Page image
Page image

โฮมสเตย์ชุมชนบ้านท่าขันทอง

ลงจากภูเขาก็มาหาที่พักริมแม่น้ำโขงค่ะ ที่บ้านท่าขันทองนี้กล่าวกันว่าเป็นมิติใหม่แห่งการท่องเที่ยวโฮมสเตย์มาตรฐานอาเซียนเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านต้นแบบวัฒนธรรมที่ยังคงสืบสานประเพณีพื้นบ้าน ความหลากหลายของกลุ่มอาชีพ และน้ำใจไมตรีที่อบอุ่นเป็นกันเองเอาไว้ ทั้งยังเพิ่งได้รับรางวัลสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบทประจำปี พ.ศ. 2563 และรางวัลหมู่บ้านท่องเที่ยวโฮมสเตย์ยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของไทยอีกด้วย พอไปถึง เขาก็จะให้เราลงทะเบียนที่หน้าศูนย์วางขายผลิตภัณฑ์ชุมชน เปิดโอกาสให้เที่ยวชมงานทอมือลายตาหม่อง (ลายตาราง) ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ทั้งผ้าคลุมไหล่และผ้าพันคอ ซื้อหาชาดาวอินคา (พืชถั่วชนิดหนึ่งจากทวีปอเมริกาใต้) เมล็ดถั่วดาวอินคาอบกรอบที่รูปร่างเหมือนดาวจริงๆ กาแฟก็มีนะคะ สปาชุมชนก็อยู่ที่ศูนย์นี้ค่ะ เป็น สปาสมุนไพรพื้นบ้านที่มีชุดให้เปลี่ยนเสร็จสรรพ มีชาให้จิบ พร้อมห้องอาบน้ำด้วย

 แต่กิจกรรมแท้จริงของที่นี่เริ่มด้วยการพาแขกทุกคนขึ้นรถอีแต๊กหรืออีต๊อก ชมบรรยากาศชุมชน รถนี้มีไว้พ่วงรถไถนาหรือรถบรรทุกเล็กๆ ที่ไม่มีเครื่องในตัวค่ะ รถก็จะขับพาเราไปชมแปลงเกษตรผสมผสาน ชิมผักผลไม้ตามฤดูกาลที่เขาจะปลูกหมุนเวียนกันไป ถึงที่นั่นเป็นหน้าผักผลไม้อะไรก็จะได้ชิมอย่างนั้นค่ะ จากนั้นก็แวะดูบ้านโบราณ ชมโรงสีข้าวกล้องแบบดั้งเดิมที่หาดูได้ยาก คือการโม่ข้าวเปลือกด้วยมือให้เปลือกหลุดออกมา ชิมน้ำข้าวกล้องอัญชัน เรียนทำอาหารพื้นถิ่น ลองทอผ้าลายตาหม่อง ลงล่องเรือในแม่น้ำโขง ชมสวนดาวอินคา ชิมเมี่ยงดาวอินคาที่นำใบดาวอินคามาเป็นใบเมี่ยง ชมวิวพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำโขง พลางชิมหมูปิ้งตาปัน กับน้ำพริกยายปั๋น อันเป็นที่กล่าวขวัญของนักท่องเที่ยว ตกค่ำยังมีพิธีบายศรีสู่ขวัญที่ชาวบ้านจัดต้อนรับ กินอาหารขันโตกฝีมือเชฟท้องถิ่น พร้อมชมศิลปะการแสดงพื้นบ้านที่ชาวบ้านในชุมชนร่วมกันแสดงอย่างตั้งใจ นอนพักกันไปคืนหนึ่งก็มีอาหารเช้ามาให้ ก่อนจะพาไปชมสวนเกษตรอินทรีย์เป็นการปิดท้ายค่ะ

ที่นี่ยังเหมาะสำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ เพราะมีแปลงนาสาธิตให้เด็กๆ ทดลองทำนา วิ่งเล่นบนคันนา ก่อนไปเล่นสไลเดอร์โคลนที่อยู่ไม่ไกลจากทุ่งนาด้วย

ที่ตั้ง : 223 หมู่ 3 บ้านท่าขันทอง ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน เชียงราย 57150

การเดินทาง : จากอำเภอแม่จันใช้เส้นทาง 106 ตรงไปทางอำเภอเชียงแสน แล้วใช้เส้นทาง 1129 (เลียบแม่น้ำโขง) ไปถึงบ้านท่าขันทองค่ะ ระยะทาง 12 กิโลเมตร

Google Map Link : https://goo.gl/maps/SZJWVRE9hPX4PPLo6

ช่องทางการติดต่อ :  โทรศัพท์จองที่พัก 08-1952-7058

เพจ https://www.facebook.com/BanSaeoVillage

 

Page image
Page image

ไร่รื่นรมย์

ทุกรายการที่เชียงรายนี้พาเราไปใช้ชีวิตอยู่กับพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพร ป่า ดิน และชุมชนจริงๆ ค่ะ หลังจากลองแนววิถีชุมชน วิถีธรรมชาติมาแล้ว ฉันเลยอยากปิดท้ายด้วยแนวสุขภาพแบบเกษตรสร้างสรรค์ก่อนจะกลับมาสู่วิถีเมืองที่คุ้นเคยอีกครั้ง ไม่มีที่ไหนเหมาะเท่าไร่รื่นรมย์ ซึ่งแค่ชื่อก็พาให้เห็นภาพทุ่งนา ทิวหมอก ดอกไม้ และสายลมที่รอเราอยู่ในพื้นที่กว่า 80 ไร่แล้ว ปกติเขาจะเปิดเวิร์กชอปเป็นระยะ มี 4 คอร์สด้วยกัน คือ 1) เตรียมกลับบ้าน 2) Natural Body & Mind Therapy 3) Home Brew 4) Natural Craft Tea และเฉพาะเดือนมิถุนายนนี้เขาจะเปิดคอร์ส “เตรียมกลับบ้าน” ค่ะ

จากบ้านดินและบ้านไม้ เราก็จะได้มานอนเต็นท์กลางทุ่งนาแทน เปิดประสบการณ์ให้กลับเข้าหาสมดุลธรรมชาติผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ ตั้งแต่พื้นฐานหลักการของการอยู่กับธรรมชาติ (“เตรียมกลับบ้าน” มีความหมายแบบนี้ค่ะ) การเลือกที่ดิน การออกแบบพื้นที่และแปลงเกษตร เรื่องราวของดิน ปุ๋ย อากาศ และน้ำในระบบอินทรีย์เต็มร้อย พร้อมลงมือปฏิบัติจริง คลุกดินจริง หมักปุ๋ยจริง ประกอบกับการกินของว่างและอาหารเกษตรอินทรีย์เพื่อสุขภาพทุกมื้อ ได้ปั่นจักรยานชมธรรมชาติ ได้ลองลงมือปรุงอาหารอินทรีย์ด้วยตัวเอง ทำคุกกี้ ทำน้ำผึ้ง ทำผ้ามัดย้อม ปั้นเซรามิก ทำพิซซ่า ทำไข่เค็ม ทั้งคอร์สก็จะมีหนักเบาสลับกันเหมือนเกษตรผสมผสานนั่นละค่ะ เรียกว่าได้ประสบการณ์กันอย่างถึงแก่นจริงๆ มา Amazing ยิ่งกว่าเดิมด้วยการเที่ยวภาคเหนือด้วยกันสิคะ

ที่ตั้ง : ตำบลงิ้ว อำเภอเทิง เชียงราย 57160

การเดินทาง : จากสนามบินถึงไร่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือถ้านั่งรถโดยสารจากสถานีขนส่งเทิงมาที่ไร่ ก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ

Google Map Link : https://goo.gl/maps/rrqLq72Vnbk9szv56

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  09-5134-8821; 09-7087-0085

ไลน์ @rairuenrom

เพจ https://www.facebook.com/rairuenrom

เว็บไซต์ www.rairuenrom.com

อีเมล rairuenrom@gmail.com