คุณค่าแห่งความสุขในการออกเดินทางครั้งใหม่...สู่เชียงใหม่ เลาะแม่ริม ลิ้มรสกาแฟ แวะเล่นกับช้าง

Page image

หลังจากผจญกับวิกฤติโควิดมาเป็นเวลาสองปีแล้ว ฉันก็ฝันที่จะออกเดินทางครั้งใหม่และครั้งใหญ่ แน่นอนว่ายังคงเป็นการเที่ยวในประเทศ ฉันไม่ได้ออกเดินทางมานานมากโดยเฉพาะการไปเที่ยวภาคเหนือ ที่ไม่ว่าจะเที่ยวเมื่อไร ก็ Amazing ยิ่งกว่าเดิมทุกครั้ง          

อันที่จริง ฉันไม่เคยเที่ยวเหนือเวลาอากาศหนาวเย็นช่วงปลายปี สะดวกก็ไป และไม่เคยมุ่งไปแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างที่ตั้งใจว่าจะทำในครั้งนี้ หลังจากค้นข้อมูล ฉันก็พบว่าความเย็นสบาย ทุ่งดอกไม้ สายหมอกและก้อนเมฆของทางเหนือรอให้เราทุกคนไปสัมผัสได้ตั้งแต่หน้าฝนของทุกปีเป็นต้นไป          

ฤดูฝนบ้านเราเริ่มกันตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวที่มีผู้คนแออัด การวางแผนเที่ยวของฉันจึงตั้งต้นในหน้าฝนนี่ละ ความชุ่มฉ่ำหลังฝนตกยังช่วยให้สีเขียวของใบไม้ใบหญ้า เขียวชอุ่ม ขับสีสันต่างๆ รอบข้างให้เด่นชัดขึ้นมาอีกเป็นไหนๆ ด้วย

Page image
Page image

เครดิตภาพ facebook.com/ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย, royalprojectthailand.com

ม่อนแจ่ม (ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย)

ในเมื่อถวิลหาสายหมอก ก้อนเมฆ และปวงดอกไม้ที่พาเข้าสู่โลกที่แตกต่างออกไป ม่อนแจ่มจึงเป็นจุดหมายแรกที่ฉันตั้งใจไว้ ภูเขาที่ไม่สูงมากนักอย่างที่ภาษาเหนือเรียกว่า ม่อน นี้ อย่างน้อยก็สูงเหนือระดับน้ำทะเล 850-1,300 เมตรแล้ว ข้อดีคือทำให้มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส เท่ากับหน้าหนาวที่กรุงเทพฯ เลย

ม่อนแจ่มมีภูมิประเทศเป็นภูเขาซ้อนสลับกัน มองจากที่สูงจึงเป็นทิวทัศน์ที่จับตา นอกจากจะแวะดูสถานที่ต่างๆ ตามทางที่มีมากมายแล้ว ฉันยังจะแวะศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างที่ม่อนแจ่มเป็นในวันนี้ แม้ความเป็นมาของศูนย์ฯ จะเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 แต่กลายเป็นรูปธรรมจริงจังเอาช่วง พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา ทำให้ม่อนแจ่มมีการเพาะปลูกพืชผักและผลไม้เขตหนาวอย่างเป็นล่ำเป็นสันขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งทุ่งดอกไม้อย่างที่หลายคนอยากแวะไปชื่นชมและเก็บภาพเป็นความทรงจำกันสักครั้ง            

พืชผักผลไม้ของม่อนแจ่มเป็นของฝากที่ทุกคนอยากซื้อหาเพราะวิธีเพาะปลูกของที่นี่วางรากฐานให้ใช้ระบบเกษตรอินทรีย์และระบบการเพาะปลูกที่ดี ซึ่งเรียกว่า GAP – Good Agricultural Practices ดีในความหมายของระบบนี้คือ ต้องปลอดภัยต่อทั้งคนปลูก คนกิน และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ไม่มีสารเคมีปนเปื้อนและไม่ก่อมลพิษ แถมยังต้องได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ชาวเขา 5 หมู่บ้านของบ้านหนองหอยเก่า อันเป็นที่ตั้งของม่อนแจ่ม จึงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนับตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกในระบบนี้     

หลังจากเที่ยวชมและเลือกซื้อของสดกับสินค้าแปรรูปมาตามทางแล้ว หมู่บ้านชาวเขาก็มีสินค้าให้เดินชอปเพลินๆ และเก็บภาพเช่นกันแม้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว เพราะแถวนั้นคือบริเวณหมู่บ้านของเขา การเปิดร้านทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก ทั้งยังมีสินค้าหลายเผ่าเพราะเป็นที่อาศัยของทั้งเผ่าม้ง ลีซู จีนฮ่อ กิจกรรมอีกอย่างที่ต้องไปสัมผัสสักครั้งก็คือ ฟอร์มูล่าม้ง หรือที่เดิมเรียกว่า รถล้อเลื่อนไม้          

เดิมทีบนม่อนแจ่มไม่มีการตัดถนนอย่างทุกวันนี้ การขนพืชผลและสิ่งของต่างๆ ลงมาจากม่อนจึงใช้แรงมาก เครื่องทุ่นแรงตามภูมิปัญญาชาวเขาจึงเป็นการนำเศษไม้มาต่อเป็นตัวรถเข็นและตัวล้อ ให้รถขนของไหลลงมาตามทางที่ขรุขระ ไร้การแผ้วถาง พอโครงการหลวงหนองหอยเป็นรูปธรรมมากขึ้นและมีการเก็บผลผลิตอย่างเป็นระบบ น้ำประปา ไฟฟ้า และถนนก็เข้าถึงหมู่บ้าน ทำให้รถล้อเลื่อนไม้หมดหน้าที่ แต่ปรับเปลี่ยนมาเป็นเครื่องเล่นเพื่อความสนุกสนานแทน ตัวรถมีที่นั่ง มีที่วางเท้าสองข้างบนเพลาล้อเพื่อใช้บังคับทิศทางไปด้วย ตรงกลางหว่างเท้าก็มีท่อนไม้ให้ใช้ดึงเป็นเบรกมือ นับเป็นสวนสนุกขนาดย่อมบนม่อนแจ่มทั้งสำหรับชาวเขาและนักท่องเที่ยว ระยะทางเล่นมีความยาวราวๆ 400 เมตร แล้วก็เหมือนสวนสนุกทั่วไปตรงที่เหมาะสำหรับเด็กโตขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่เท่านั้น

ที่ตั้ง : 22/8 บ้านหนองหอยเก่า หมู่ 7 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม ตั้งอยู่บนสันเขาบริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย

การเดินทาง : ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 39 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงสาย 107 (เชียงใหม่-ฝาง) มุ่งสู่ที่ว่าการอำเภอแม่ริม เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 17  ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงสาย 1096 (แม่ริม-สะเมิง) ถึงประมาณ กม.ที่ 15 บริเวณบ้านโป่งแยง ให้สังเกตป้ายศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยด้านขวามือ เลี้ยวขวาตรงตามถนนหลักเป็นระยะทางขึ้นเขาอีก 6 กิโลเมตรจนถึงที่ทำการศูนย์ฯ ค่ะ  สภาพเส้นทางเป็นถนนลาดยางตลอดรถยนต์ทุกประเภทสามารถเดินทางได้  มีรถประจำทาง สายสะเมิงเหนือ-เชียงใหม่ ผ่านบริเวณทางแยกก่อนขึ้นศูนย์ฯ ด้วย

Google Map Link : https://goo.gl/maps/HEvNiUZuhjp92tka8

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์ 08-1950-9767 หรือ 0-5387-9418 ต่อ 200 (หน่วยบริการท่องเที่ยว)

อีเมล nonghoyrpf@gmail.com

เพจ  https://bit.ly/3tEE6oj

 

Page image
Page image

เครดิตภาพ facebook.com/qsbgcm

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

สวนแห่งนี้เปิดทำการในปี พ.ศ. 2536 เดิมชื่อว่า สวนพฤกษศาสตร์แม่สา ก่อนจะได้รับพระราชานุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็นสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เมื่อ พ.ศ. 2537 มีพื้นที่ 6,500 ไร่ ซึ่งใช้รวบรวมและ อนุรักษ์พรรณไม้ โดยเฉพาะไม้ประจำถิ่น ไม้หายาก และไม้ที่กำลังจะสูญพันธุ์ ทั้งของในและนอกประเทศ

ทางสวนจัดให้พืชอยู่กันเป็นหมวดหมู่ตามวงศ์สกุลต่างๆ ในรูปของกลุ่มเรือนกระจกที่ออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติบนยอดเขา เวลาเราเข้าชมก็จะเห็นทั้งความสวยงาม ความรู้ ความหลากหลาย และความกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ภูมิทัศน์ของที่นี่จึงโดดเด่นมาก รวมทั้งฟังก์ชั่นของสวนพฤกษศาสตร์ในฐานะสถานที่ศึกษาธรรมชาติเกี่ยวกับพืชด้วย          

ฉันชอบต้นไม้มากโดยเฉพาะไม้ดอก ทั้งดอกกล้วยไม้และดอกว่าน ภาพเขียนรูปดอกไม้ในแนวพฤกษศาสตร์ก็ชอบมาก ที่นี่จึงเป็นตัวเลือกของฉัน ทั้งยังเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในไทย ได้มาตรฐานระดับสากล ดูแผนที่ที่เขาจัดทำออกมาก็สนุกแล้วค่ะ จุดท่องเที่ยวทั้งหกแห่งของที่นี่ก็มี          

กลุ่มเรือนกระจก ที่มีนาฬิกาดอกไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตร และปลูกไม้ดอกตามฤดูกาลไว้ภายในหน้าปัด เรือนกระจกทั้งหมด 12 โรงเรือน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มค่ะ          

          - เรือนกระจกใหญ่ คือเรือนป่าดิบชื้น แสดงพรรณไม้จากป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา จึงรวมพืชจากอุษาคเนย์และจีนตอนใต้เอาไว้         

          - เรือนกระจกขนาดกลาง มี 3 โรงเรือนคือ เรือนไม้น้ำ (แสดงพันธุ์บัวของไทย ไม้น้ำ ไม้ชุ่มน้ำ และพืชกินแมลง) เรือนกล้วยไม้และเฟิน (มีทั้งกล้วยไม้ไทยและกล้วยไม้ลูกผสม เสริมพื้นล่างด้วยเฟินนานาพันธุ์) เรือนพืชทนแล้ง (จัดแสดงกระบองเพชร ไม้แล้งทรงสูงและยกลำ กุหลาบหิน และพืชอวบน้ำ)          

          - เรือนพรรณไม้ทั่วไป มี 8 โรงเรือนคือ เรือนพรรณบัว เรือนสับปะรดสี เรือนบอนสีและหน้าวัว เรือนส้มกุ้ง เรือนไม้ดอก ไม้ประดับและไม้ด่าง เรือนไม้ไทยหายาก และเรือนพืชสมุนไพรสองแห่ง          

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ของที่นี่ก็มีให้เดินเล่น 4 เส้นทางใหญ่ๆ นะคะ          

          - เส้นทางวัลยชาติ หรือไม้เลื้อยที่คาดว่าในไทยมีอยู่ราว 2,000 ชนิด และกว่าครึ่งเป็นพืชที่ยังไม่รู้จัก เขารวบรวมมาไว้ตามเส้นทางที่ยาว 800 เมตรนี้มากกว่า 250 ชนิดค่ะ          

          - เส้นทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ ใช้โครงสร้างเหล็กกล้าที่ฉาบสีให้กลมกลืนกับธรรมชาติ พร้อมราวกั้นกันตก จึงปลอดภัยและสนุกสนานตื่นเต้นตลอดระยะทางเดินกว่า 400 เมตร ซึ่งอยู่สูงเหนือพื้นดินถึง 20 เมตรค่ะ พาเราชมทัศนียภาพอันอลังการของทิวยอดไม้ พร้อมภูเขา แซมด้วยป้ายสื่อความรู้เป็นระยะๆ          

          - เส้นทางสวนรุกขชาติ มีระยะทาง 600 เมตร เน้นต้นไม้ใหญ่ที่เป็นสน ปาล์ม ปรง และอื่นๆ          

          - เส้นทางพรรณไม้ไทยและพืชสมุนไพร ใช้เวลาเดินประมาณ 30-45 นาที รวบรวมพืชสมุนไพร พันธุ์ไม้หายาก และพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด และอื่นๆ ไว้กว่า 1,000 ชนิด พร้อมป้ายอธิบายสรรพคุณทางสมุนไพรด้วย          

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Science Museum) แสดงนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียนด้านพืช ธรรมชาติวิทยา และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 3 ห้อง ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 16 โซน มีมุม Panoramic View ให้ชมทัศนียภาพโดยรอบที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล และมีระบบเสียงผ่าน Sound Dome          

สวนกล้วย (Banana Avenue) เส้นทางรวมพันธุ์กล้วยที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือเลยค่ะ คือมีพื้นที่ถึง 5 ไร่ รวมพันธุ์กล้วยที่น่าสนใจและหาชมได้ยากไว้ถึง 18 ชนิด

เรือนรวมพรรณกล้วยไม้ไทย พร้อมกล้วยไม้ไทยหายากกว่า 350 ชนิด          

อุทยานขิง-ข่า เป็นแปลงรวมพันธุ์ไม้ดอกขาวที่มีแผนว่าจะจัดปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 300 ชนิด (ตอนนี้ปลูกได้ประมาณร้อยกว่าชนิดแล้วค่ะ) ออกดอกให้ชมตลอดทั้งปีเลย          

นอกจากนี้ยังมีน้ำตกแม่สาน้อย อยู่ด้านหน้าสวนพฤกษศาสตร์ ตรงนี้มีกล้วยไม้ป่าออกดอกสวยงามและส่งกลิ่นหอมเป็นพิเศษในฤดูร้อน ถ้าไปต้นฝนอาจจะยังมีให้ชมก็ได้

ที่ตั้ง : 100 หมู่ 9 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180

การเดินทาง : จากอำเภอแม่ริมวิ่งมาตามทางหลวง 1096 (แม่ริม-สะเมิง) ประมาณ 12 กิโลเมตร จะเห็นสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์อยู่ทางซ้ายมือค่ะ

Google Map Link : https://goo.gl/maps/15kUia56hgC6gqLr5

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  0-5384-1234 ต่อ 4209 โทรสาร  0-5329-9754

เพจ  https://www.facebook.com/qsbgcm

อีเมล  ms_qsbg@hotmail.com

เว็บไซต์  https://www.qsbg.org

 

Page image
Page image

เครดิตภาพ facebook.com/Maesaelephantcamp

ปางช้างแม่สา

เที่ยวชมพรรณไม้มามากแล้ว ในแผนก็เลยต้องเปลี่ยนบรรยากาศไปอยู่กับสิ่งมีชีวิตแบบอื่นบ้าง ปางช้างแม่สาน่าสนใจมากไม่ใช่เพราะเป็นหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดและมีจำนวนช้างมากที่สุดในภาคเหนือเท่านั้น แต่เพราะตั้งอยู่กลางป่าสมบูรณ์ ล้อมรอบด้วยขุนเขา มีพื้นที่ให้ช้างใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไร้โซ่ตรวน ควาญช้างไม่ใช้ขอช้างและไม่ขี่ช้าง เลิกใช้ช้างในการแสดงด้วยค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดที่ทยอยทำให้เป็นรูปธรรมมาตั้งแต่ พ.ศ. 2562-2563 ถึงกระนั้น ที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมสนุกๆ มากมายให้ทุกคนทุกวัยได้หรรษา อาทิ อาบน้ำช้าง ป้อนกล้วยช้าง พร้อมโปรแกรมใหม่ “มาทำอาหารให้ช้างกับเรา” แบ่งเป็น 2 ประเภทค่ะ            

          Feeding Program ลงมือทำสมุนไพรเพื่อดูแลรักษาสุขภาพช้าง รวมทั้งรู้จักเลือกผลไม้และผักที่ช้างชื่นชอบ เอาใจใส่ในความสะอาดและความปลอดภัยของอาหารด้วย          

          Elephant Care Program เตรียมอาหารเหมือนโปรแกรมแรก แต่เพิ่มเติมคือไปป้อนช้างที่อยู่กันเป็นโขลงตามธรรมชาติ ไม่มีโซ่ ทำให้ใกล้ชิดกับช้างยิ่งกว่าเคย โดยทางปางช้างรับประกันความปลอดภัย ความประทับใจ และความคุ้มค่าค่ะ          

แนวคิดด้านการใช้สมุนไพรดูแลรักษาสุขภาพช้างนั้นเกิดจากการที่ปางช้างรับเลี้ยงดูช้างที่อายุมาก ทำงานไม่ไหว ปลดระวาง เจ็บป่วยด้วยอาการต่างๆ หรือช้างที่ต้องการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ การไปปางช้างจึงเป็นการ “เที่ยว ช่วย ช้าง” ไปในตัวค่ะ บอกแล้วว่าเที่ยวภาคเหนือทีไร อะเมซซิ่งยิ่งกว่าเดิมทุกที

ที่ตั้ง : 119/9 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม เชียงใหม่

การเดินทาง : เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางสาย 1096 (แม่ริม-สะเมิง) แล้ว ให้วิ่งต่อไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตรจนเลยปากทางเข้าน้ำตกแม่สาก็จะเห็นปางช้างอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

Google Map Link : https://goo.gl/maps/QvLfAnL4hgWpaPcW9

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์089-838-4242 / 053-206247-8

เพจ https://www.facebook.com/Maesaelephantcamp

เว็บไซต์ maesaelephantcamp.com

 

Page image
Page image

เครดิตภาพ facebook.com/ElephantPoopoopaperPark, facebook.com/tatchiangmai

Elephant Poopoopaper Park

กระดาษสาเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งของทางเหนือ ซึ่งโด่งดังมากเมื่อ 30 ปีที่แล้วตอนที่ผ้าไทย เครื่องเงิน ของเก่าและสินค้าของทางเหนือเป็นที่นิยมกันขนานใหญ่ในกรุงเทพฯ เวลาผ่านไป ศิลปะและภูมิปัญญาก็ยังคงได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง หนึ่งในนั้นกลายเป็นกิจกรรมน่ารักน่าสนใจและใกล้ชิดธรรมชาติชนิดที่มือสัมผัสได้ของ Elephant Poopoopaper Park นี่ละค่ะ          

แหล่งท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้แห่งนี้ใช้มูลช้างเป็นวัสดุในการทำกระดาษสาด้วยตนเอง เพราะมูลช้างมีเส้นใยหรือไฟเบอร์จากผักผลไม้อยู่มาก เราสามารถทำกิจกรรมทั้ง 6 ฐานการเรียนรู้ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นของทางสวน เริ่มจากการหมัก ต้ม ผึ่งให้แห้ง ใส่สี ใส่แม่พิมพ์ ผึ่งแดดอีกที เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ มีวิทยากรคอยแนะนำและตอบคำถามทั้งหกขั้นตอน จากนั้นยังเข้าร้านกาแฟ สั่งขนมและเครื่องดื่มมาลองลิ้มได้ เข้าร้านกิฟต์ชอปหาซื้อของฝากของที่ระลึกที่มีประโยชน์กลับบ้านได้ด้วย โดยเขาแนะนำให้เข้าฐานก่อน 11 โมงเช้าหรือหลังอาหารเที่ยงไปแล้วนะคะ

ที่ตั้ง : 87 หมู่ 10 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม เชียงใหม่

การเดินทาง : อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 10 กิโลเมตร (15 นาที) โดยเลี้ยวซ้ายจากทางแยกแม่ริม-สะเมิง ไปประมาณ 200 เมตร จะเห็นสะพานให้เลี้ยวขวาเข้าไปทางคุ้มเสือ วิ่งเลยคุ้มเสือขึ้นไปอีกเพียง 100 เมตรค่ะ

Google Map Link https://goo.gl/maps/Axk86ujnS5d1YdHV6

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  053-299-565

เพจ https://www.facebook.com/PoopoopaperPark

เว็บไซต์ http://www.poopoopaperpark.com

 

Page image
Page image

เครดิตภาพ facebook.com/PhoenixAdventurePark

Phoenix Adventure Park

ฟีนิกซ์ แอดเวนเจอร์ พาร์ค ขึ้นชื่อในเรื่องของกิจกรรมปีนเชือกที่ดีที่สุดในไทย เป็นการผจญภัยบนต้นไม้สูงใหญ่นานาชนิด ภายในพื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นทางลาดเชิงเขา กว้างใหญ่ถึง 15 ไร่ รวบรวมกิจกรรมแนวผจญภัยไว้เป็นชุดๆ มี 3 ชุดด้วยกัน คือโปรแกรม S, M และ L ค่ะ          

เอสเป็นชุดเล็กที่มีกิจกรรมอยู่ 20 ฐานหรือสถานี อาทิ สะพานลิง ผ่านน้ำตก ปีนตาข่าย ท่อนซุงหก สะพานเลโก้ สเก็ตบอร์ดลอยฟ้า เดินสลิงเส้นเดียว เดินห่วงเชือก ตาข่ายโหนสลิง ส่วนเอ็มเป็นชุดขนาดกลางมี 25 สถานี เช่น สกีอากาศ ไม้ไผ่ยักษ์ ผาตุ๊กแก ใยแมงมุม อุโมงค์ลอยฟ้า สำหรับชุดแอลใหญ่สุดจะรวมชุดเอสกับเอ็มเข้าด้วยกันเป็น 45 สถานี ทั้งหมดนี้เขาใช้ระบบความปลอดภัยแบบใหม่ที่นำเข้ามาจากฝรั่งเศส เรียกว่า Safety Line System by Coudou Pro (ถ้าอ่านออกสำเนียงฝรั่งเศสนี่จะเป็นคำไทยที่เจ๋งมากนะคะ—กูดูโปร) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ทั่วโลกเชื่อมั่นในมาตรฐาน เพื่อให้เราทุกคนมั่นใจค่ะ   

ทุกโปรแกรมมีประกันอุบัติเหตุให้ พร้อมถุงมือใหม่คนละคู่และน้ำดื่มคนละขวด ทางเราเพียงต้องเตรียมครีมกันแดด ยาทาป้องกันแมลง กล้อง รองเท้ากีฬา เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวไปด้วย คนที่จะเล่นชุดเอ็มกับแอล ต้องมีอายุระหว่าง 8-60 ปี หนักไม่เกิน 120 กิโลกรัม และสูงไม่น้อยกว่า 120 เซนติเมตรด้วยค่ะ          

คนที่อยากเล่นแค่พอหอมปากหอมคอ เพราะเวลาน้อย มีแผนอื่นให้ทำต่อ หรือแค่อยากลอง เขาก็มีโปรแกรมเบาๆ ให้เล่นคือ ชุดโหนซิปไลน์ 7 สถานี แล้วไปจิบกาแฟหรือเครื่องดื่มที่เลือกไว้ ก่อนจะพาไปชมสวนดอกมากาเร็ตในพื้นที่ 7 ไร่ จากนั้นก็นั่งรถไฟฟีนิกซ์กลับ          

ส่วนคนที่ไม่ปีนป่ายโหนเชือกเป็นนกฟีนิกซ์ตามธีมของทางสวนเลย ก็มีโปรแกรมที่ตัดการโหนซิปไลน์ออก เป็นการนั่งรถไฟฟีนิกซ์ ให้เราเหินเป็นนกไฟ ชมสวนดอกไม้ค่ะ รถไฟฟีนิกซ์คือรถไฟเล็กย่อส่วนเหมือนของจริงที่ให้บริการที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียวในไทยด้วยนะคะ นอกจากนี้ในสวนยังมีบ่อปลา ฟาร์มแกะ ฟาร์มกระต่ายให้เที่ยวชม พร้อมร้านอาหารแนวฟิวชั่นโดยเชฟที่คอยรังสรรค์เมนูอร่อย มีร้านกาแฟเสิร์ฟกาแฟสดอาราบิก้าสูตรพิเศษของฟีนิกซ์ด้วย เรียกว่าเที่ยวอยู่ในนี้ทั้งวัน ลิ้มรสอาหารและกินบรรยากาศไปพร้อมกันได้เลย

ที่ตั้ง : 147 หมู่ 6 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม เชียงใหม่

การเดินทาง : ทางสวนแนะนำให้ปักหมุดว่า “Phoenix Adventure Park” อย่างเดียวเลยค่ะ

Google Map Link : https://goo.gl/maps/UDvctRgpGPE2

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  061-598-5999, 094-753-5551

เพจ  https://www.facebook.com/phoenixadventureparks

อินสตาแกรม  PhoenixAdventurePark

อีเมล  info@phoenixadventurepark.com

เว็บไซต์  phoenixadventurepark.com/th

 

Page image
Page image

เครดิตภาพ facebook.com/NatureTalk

Naturetalk Farmstay

รายการสุดท้ายที่ต้องคำนึงถึงก็คือที่พักค่ะ รอบนี้ขอเลือกบ้านดินสีขาว สไตล์อาร์ตๆ ที่มีห้องพักเพียง 2 ห้อง 2 ขนาด ชื่อว่า ห้องดินใหญ่กับห้องดินเล็ก ออกแบบให้โปร่งสบาย รับความสดชื่นของฟาร์มรอบๆ ชั้นล่างของที่พักมีร้านกาแฟที่เสิร์ฟอาหาร ขนมและเครื่องดื่มแนวโฮมเมด ส่วนมุมอื่นๆ ของ Naturetalk ก็เปิดเป็นห้องนิทรรศการโรงดอกไม้แห้งที่ให้เข้าไปยืนถ่ายรูปได้เหมือนเราอยู่กลางทุ่งดอกหญ้าสีน้ำตาล แต่ล้อมด้วยผนังขาวแทนที่ฟ้ากว้าง ได้ภาพถ่ายที่งามปนเอ๊ะ...ปน...หลายๆ อย่างตามมิติที่สายตากวาดไปถึง กระตุ้นจินตนาการและความคิดได้พร้อมๆ กัน มุมศิลป์อื่นๆ เช่น งานดินปั้น ก็จะกระจายอยู่รอบๆ ให้เราสำรวจและเก็บภาพเป็นความทรงจำที่ไม่เหมือนที่ไหนกลับมา          

และเมื่อมาอยู่แบบ Farmstay ก็ต้องออกไปสำรวจฟาร์มและทำกิจกรรมประสาคนอยู่ฟาร์ม เช่น เก็บไข่ไก่ ทำสวนเกษตรธรรมชาติ ปั้นดินเล่น ผ่อนคลายสุดๆ แค่วางแผนก็ไม่อยากให้การเดินทางมีวันสิ้นสุดแล้วละค่ะ

ที่ตั้ง : 82/1 ดอนตัน ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่

การเดินทาง : อยู่ย่านแม่ริม ใกล้กับเส้นทางสวนดอกไม้ 

Google Map Link : https://goo.gl/maps/NXTyFMmnwA3f2id96

ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  091-447-5348

เพจ  https://m.facebook.com/Naturetalkthailand

อินสตาแกรม  https://www.instagram.com/naturetalk_thailand